เฉลยข อสอบ - WEBYTHEBRAIN · เฉลยข อสอบ pat (มี.ค. 59)...
Transcript of เฉลยข อสอบ - WEBYTHEBRAIN · เฉลยข อสอบ pat (มี.ค. 59)...
2
ต.ค. น้ี ก็จะถึงเวลาสอบแอดมิชช่ันสำหรับน�อง ๆ ม.6 กันแล�ว ทบทวนบทเร�ยน และฝ�กฝนทำโจทย�ข�อสอบกันไปถึงไหนแล�วครับ สำหรับน�อง ๆ ที ่ลงคอร�ส MATH ADMISSIONS– PHYSICS ADMISSIONS – CHEM ADMISSIONS– BIO ADMISSIONS พี่ ๆ สัญญาไว�ว�าจะอัปเดตเฉลยข�อสอบ PAT (มี.ค. 59) ในว�ชาที ่ลงสมัครให�เพื่อให�น�อง ๆ ได�ฝ�กฝนโจทย�ข�อสอบล�าสุดกัน
พี ่ช �างใจดี ต ัดสินใจส�งเฉลยข�อสอบให�น �อง ๆไม�ว�าจะลงคอร�ส ADMISSIONS ว�ชาอะไร พ่ี ๆ ก็อัปเดตข�อสอบ PAT 1 และ PAT 2 ให�น�อง ๆ ไปฝ�กทำโจทย�กันครบทั้ง คณิตศาสตร�-ฟ�สิกส�-เคมี-ช�วว�ทยา โดยน�อง ๆ สามารถเข�าไปอัพเดตข�อสอบได�จากระบบ WE APP(ไม�ต�องนำ VOUCHER มาลงทะเบียนรับสิทธ�์)
รอทยอยลงข�อสอบอัพเดตได�ในระบบ และจะลงให�ครบทุกว�ชาในวันที ่ 15 ก.ค. 59 นี ้ ขอให�น�อง ๆ โชคดีในการสอบ และสอบได�คณะที่ตั้งเป�าหมายไว�นะครับ
โรงเร�ยนกวดว�ชาคณิต - ว�ทย� อันดับ 1 ของประเทศ
WE BY THE BRAIN
”
“29
1
1. การศึกษาโครงสร้างของเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนสามารถมองเห็นโครงสร้างของ
เซลล์พืชชั้นนอกสุดได้ข้อใดไม่ใช่ลักษณะหรือหน้าที่ของโครงสร้างดังกล่าว (PATมี.ค.59)
1. ประกอบด้วยเซลลูโลสจัดเรียงตัวเป็นชั้นไขว้กัน
2. เป็นส่วนห่อหุ้มเซลล์ท�ำหน้ำที่สร้ำงควำมแข็งแรงและท�ำให้เซลล์คงรูปร่ำงอยู่ได้
3. อำจพบช่องเล็กๆที่เรียกว่ำพลำสโมเดสมำตำเป็นทำงติดต่อของไซโทพลำซึมระหว่ำงเซลล์
4. รักษำสมดุลของสำรภำยในเซลล์โดยควบคุมกำรผ่ำนเข้ำออกของสำรระหว่ำงเซลล์
กับสิ่งแวดล้อมภำยนอก
5. เซลล์ที่มีอำยุมำกขึ้นอำจมีสำรอื่นมำสะสมบนเส้นใยเซลลูโลสเพิ่มมำกขึ้น
เช่นเฮมิเซลลโูลสเพกทินซูเบอรินคิวทินและลิกนิน
2. ข้อใดคือลักษณะร่วมของพืชเมล็ดเปลือย (PATมี.ค.59)
1. มีเวสเซลในท่อล�ำเลียงน�้ำ
2. มีใบเลี้ยง2ใบใบเป็นใบประกอบ
3. ออวุลเจริญอยู่ในรังไข่ที่ไม่พัฒนำ
4. โคนเพศผู้และโคนเพศเมียเกิดแยกต้นกัน
5. ออวุลและละอองเรณูติดบนกิ่งหรือแผ่นใบ
ข้อสอบ PAT2 2559มีนาคม
2
3. นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งท�าการทดลองโดยน�ากิ่งเข็มไปวัดการคายน�้าในห้องแต่ละห้องที่ติด
หลอดไฟสีต่างกันข้อใดระบุตัวแปรต่างๆของการทดลองนี้ได้ถูกต้อง(PATมี.ค.59)
1. ตัวแปรควบคุมคือควำมเข้มแสงและควำมยำวคลื่นแสง
ตัวแปรต้นคือปริมำณน�้ำที่ให้กับพืช
ตัวแปรตำมคืออัตรำกำรคำยน�้ำ
2. ตัวแปรควบคุมคืออุณหภูมิห้อง
ตัวแปรต้นคือสีของหลอดไฟ
ตัวแปรตำมคือกำรเปิดปิดของปำกใบ
3. ตัวแปรควบคุมคือจ�ำนวนกิ่งเข็ม
ตัวแปรต้นคืออัตรำกำรคำยน�้ำ
ตัวแปรตำมคือสีของหลอดไฟ
4. ตัวแปรควบคุมคืออำยุของกิ่งเข็ม
ตัวแปรต้นคือจ�ำนวนใบของกิ่งเข็ม
ตัวแปรตำมคือปริมำณน�้ำที่พืชคำยออกมำ
5. ตัวแปรควบคุมคือระยะห่ำงระหว่ำงหลอดไฟและกิ่งเข็ม
ตัวแปรต้นคือสีของหลอดไฟ
ตัวแปรตำมคือน�้ำหนักของพืชหลังทดลอง
4. การศึกษาการงอกของเมล็ดถั่วเขียวเปรียบเทียบกับการงอกของเมล็ดข้าวโพดข้อใดไม่ใช่ลักษณะ
ของพืชทั้งสองชนิดที่ศึกษาได้(PATมี.ค.59)
1. รำกถั่วเขียวมีรำกแขนงเจริญออกมำจำกรำกแก้ว
2. รำกข้ำวโพดมีรำกพิเศษเจริญออกมำจำกรำกแก้ว
3. หมวกรำกของพืชทั้งสองชนิดประกอบด้วยเซลล์พำเรงคิมำ
4. พืชทั้งสองชนิดมีรำกปฐมภูมิหรือรำกแก้วเจริญเป็นรำกอันแรก
5. ขนรำกเกิดที่บริเวณถัดจำกปลำยสุดของรำกแก้วของพืชทั้งสองชนิด
3
5. ถ้าศูนย์กลางปฏิกิริยาของระบบแสงไม่มีคลอโรฟิลล์เอจะส่งผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงอย่างไร
(PATมี.ค.59)
1. ไม่เกิดกำรสังเครำะห์ด้วยแสง
2. มีกำรถ่ำยทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักรเพียงอย่ำงเดียว
3. มีกำรสร้ำงATPเพียงอย่ำงเดียวแต่ไม่มีกำรสร้ำงNADPH
4. มีกำรถ่ำยทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฎจักรเพียงอย่ำงเดียว
5. มีกำรส่งอิเล็กตรอนย้อนกลับไปยังโมเลกุลของสำรสีต่ำงๆในแอนแทนนำ
6. เรณูหรือpollenเจริญมาจากเซลล์ใด(PATมี.ค.59)
1. ไมโครสปอร์ที่มีกำรแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
2. ไมโครสปอร์ที่มีกำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส
3. เมกะสปอร์ที่มีกำรแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
4. เมกะสปอร์ที่มีกำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส
5. กำรผสมกันของเจเนอเรทิฟนิวเคลียสและทิวป์นิวเคลียส
4
7. ฝักโกงกางเมื่อเจริญเต็มที่แล้วสามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้โดยที่ฝักยังไม่หลุดร่วงดังนั้นการวิเคราะห์
ปริมาณฮอร์โมนพืชในฝักโกงกางที่เจริญเต็มที่แต่ยังไม่หลุดร่วงมีความเป็นไปได้ที่จะพบ
ฮอร์โมนพืชคู่ใดน้อยที่สุด(PATมี.ค.59)
1. ออกซินและไซโทไคนิน
2. ออกซินและจิบเบอเรลลิน
3. เอทิลีนและกรดแอบไซซิก
4. ไซโทไคนินและจิบเบอเรลลิน
5. จิบเบอเรลลินและกรดแอบไซซิก
8. พืชชนิดหนึ่งมีจีโนโทป์AaBbภาพการเข้าคู่กันของhomologouschromosome
ในระยะโพรเฟสIขณะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสในข้อใดถูกต้อง(PATมี.ค.59)
AA
Aa
Aa
Aa
Aa5.
3. 4.
1. 2.
Aa
Aa
BB
Bb
Bb
Bb
Bb
Bb
bb
Bb
Bb
Bb
Bb
Bb
Bb
aa Aa
Aa
Aa
Aa
Aa
5
9. จากการศึกษาทางพันธุ์กรรมของ2ลักษณะในแมลงหวี่ได้ข้อมูลดังนี้
ลักษณะA:เมื่อท�าการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อและแม่ที่มีลักษณะแตกต่างกันได้ลูกรุ่นF1
ที่มีลักษณะกึ่งกลางระหว่างพ่อและแม่และลูกรุ่นF2มีลักษณะ5แบบ
ที่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยลดหลั่นกันไปในอัตราส่วน1:4:6:4:1
ลักษณะB:เมื่อท�าการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อและแม่ที่มีลักษณะแตกต่างกันได้ลูกรุ่นF1
ที่มีลักษณะกึ่งกลางระหว่างพ่อและแม่และลูกรุ่นF2 มีลักษณะแตกต่างกัน
3แบบในอัตราส่วน1:2:1
ข้อใดสรุปการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของลักษณะทั้งสองได้ถูกต้อง(PATมี.ค.59)
ลักษณะ A ลักษณะ B
ควบคุมด้วยพอลิยีน ควบคุมด้วยมัลติเปิลแอลลีล
ควบคุมด้วยยีน 2 ต�ำแหน่ง ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มี 2 แอลลีล
ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มี 2 แอลลีล ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มี 1 แอลลีล
ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มีมำกกว่ำ 2 แอลลีล ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มี 2 แอลลีล
ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มี 2 แอลลีล
ที่แสดงกำรข่มร่วมกัน
ควบคุมด้วยยีน 1 ต�ำแหน่งที่มี 2 แอลลีล
ที่แสดงกำรข่มไม่สมบูรณ์
10.การท�าเทคนิคพีซีอาร์เพื่อเพิ่มปริมาณDNAในหลอดทดลองจะเกิดปฏิกิริยาเป็นขั้นตอนซ�้าเป็น
รอบๆประมาณ25–40รอบในปฏิกิริยาพีซีอาร์มีขั้นตอนเพิ่มอุณหภูมิให้สูงถึง90๐Cเพื่ออะไร (PATมี.ค.59)
1. ท�ำให้DNAแม่แบบสำยคู่แยกออกเป็นสำยเดี่ยว
2. กระตุ้นกำรท�ำงำนของเอนไซม์DNAพอลิเมอเรศ
3. เพื่อให้ไพร์เมอร์จับกับสำยDNAแม่แบบด้วยพันธะไฮโดรเจน
4. ท�ำให้เกิดกำรจ�ำลองสำยDNAเป็นสำยคู่จำกนิวคลีโอไทด์ที่มีเบสATGC
5. เป็นกำรก�ำหนดว่ำสิ้นสุดปฏิกิริยำในแต่ละรอบและเตรียมพร้อมในกำรท�ำปฏิกิริยำรอบต่อไป
1.
2.
3.
4.
5.
6
11.สามีภรรยาคู่หนึ่งมีลักษณะปกติแต่ทั้งคู่มีน้องสาวที่มีลักษณะผิวเผือก
พ่อและแม่ของสามีภรรยาคู่นี้มีลักษณะผิวปกติและไม่เคยตรวจสอบจีโนไทป์
จงหาโอกาสที่ลูกคนแรกของสามีภรรยาคู่นี้จะมีลักษณะผิวเผือก(PATมี.ค.59)
1. 1/2 2. 1/4
3. 1/8 4. 1/9
5. 1/16
12.ข้อใดส่งผลต่อการเกิดความแปรผันทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตน้อยที่สุด(PATมี.ค.59)
1. กำรโคลน
2. รังสีแกมมำ
3. กำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเพื่อสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์
4. กำรปฏิสนธิแบบสุ่มระหว่ำงเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อกับแม่
5. กำรผสมข้ำมพันธุ์ระหว่ำงสำยพันธุ์ต่ำงๆของสิ่งมีชีวิตในสปีชีส์หนึ่งๆ
7
13.ความรู้ทางวิวัฒนาการในข้อใดสามารถน�ามาอธิบายการดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียได้ดีที่สุด
(PATมี.ค.59)
1. สภำพที่เป็นกรดสูงในกระเพำะอำหำรเป็นปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้แบคทีเรียเกิดมิวเทชันเป็น
สำยพันธุ์ใหม่ๆได้ง่ำยและรวดเร็ว
2. เมื่อได้รับยำปฏิชีวนะช่วงแรกๆแบคทีเรียจะแบ่งตัวเพิ่มจ�ำนวนแบบไมโทซิสอย่ำงรวดเร็ว
ท�ำให้เซลล์จ�ำนวนมำกจึงมีโอกำสเหลืออยู่รอดได้
3. บำงสำยพันธุ์ของแบคทีเรียที่มียีนต้ำนยำปฏิชีวนะดังกล่ำวจะอยู่รอดได้จึงถูกคัดเลือก
ไว้ในประชำกรแล้วสำมำรถเพิ่มจ�ำนวนได้มำกขึ้น
4. เมื่อแบคทีเรียได้รับยำปฏิชีวนะชนิดใดชนิดหนึ่งจะสำมำรถปรับตัวได้อย่ำงรวดเร็ว
โดยสร้ำงเอนไซม์ใหม่ๆมำท�ำลำยยำปฏิชีวนะชนิดนั้นๆ
5. เมื่อได้รับยำปฏิชีวนะช่วงแรกๆแบคทีเรียจะมำรวมตัวกันเป็นกลุ่มขนำดใหญ่ท�ำให้แบคทีเรีย
ที่อยู่ในกลุ่มไม่สัมผัสกับยำปฏิชีวนะจึงสำมำรถอยู่รอดได้
14. ในการสร้างเซลล์ไข่ของผู้หญิงข้อใดเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างโอโอไซต์ระยะแรก
กับโอโอไซต์ระยะที่สอง(PATมี.ค.59)
1. ขนำดของนิวเคลียส
2. ขนำดของไมโทคอนเดรีย
3. ต�ำแหน่งของนิวคลีโอลัส
4. รูปฟอร์มของสำรพันธุกรรม
5. จ�ำนวนชุดของสำรพันธุกรรม
8
15.ข้อใดผิดเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของคน(PATมี.ค.59)
1. เซลล์ไข่ปฏิสนธิกับอสุจิที่ท่อน�ำไข่ส่วนต้น
2. เซลล์ไข่ของคนมีไข่แดงน้อยมำกเมื่อเทียบกับเซลล์ไข่ของไก่
3. จุดเด่นของคลีเวจคือเพิ่มจ�ำนวนเซลล์และเพิ่มขนำดของเซลล์
4. กระดูกไขสันหลังและโนโทคอร์ดเจริญมำจำกเมโซเดิร์มเหมือนกัน
5. รกประกอบด้วยส่วนของถุงคอเรียนจำกลูกและเนื้อเยื่อชั้นเอนโดมีเทรียมของแม่
16.จากข้อความ“การเคลื่อนไหวของสัตว์เกิดจากการท�างานของกล้ามเนื้อ2ชุดที่ท�างานสัมพันธ์กัน
ในสภาวะตรงกันข้าม”การเคลื่อนไหวของสัตว์ในข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อความข้างต้น
(PATมี.ค.59)
1. นกบินโดยอำศัยกล้ำมเนื้อกดปีกและกล้ำมเนื้อยกปีก
2. คนเหยียดแขนโดยอำศัยกล้ำมเนื้อไบเซพและกล้ำมเนื้อไตรเซพ
3. แมลงขยับปีกโดยอำศัยกล้ำมเนื้อตำมยำวและกล้ำมเนื้อตำมขวำง
4. ปลำว่ำยน�้ำโดยอำศัยกล้ำมเนื้อที่ยึดติดอยู่กับกระดูกสันหลังทั้งสองด้ำน
5. ตั๊กแตนงอขำโดยอำศัยกล้ำมเนื้อเฟล็กเซอร์และกล้ำมเนื้อเอ็กเทนเซอร์
9
17.นักชีววิทยาส�ารวจพบสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดหนึ่งจากการตรวจสอบทางสรีรวิทยาพบว่า
สัตว์ชนิดนี้มีอัตราการหายใจขณะพักสูงมากถึง3.5ลิตร/กรัม/ชั่วโมงและเมื่อผ่าตัดดูโครงสร้าง
ที่ใช้แลกเปลี่ยนแก๊สพบลักษณะดังแผนภาพโดยในช่วงการหายใจเข้าอากาศจะไหลเข้าช่องจมูก
และท่อลมตามทิศลูกศร
ข้อใดถูกเกี่ยวกับโครงสร้างที่ใช้แลกเปลี่ยนแก๊สของสัตว์ชนิดนี้(PATมี.ค.59)
1. โครงสร้ำงกท�ำหน้ำที่แลกเปลี่ยนแก๊สกับเนื้อเยื่อด้ำนหน้ำของล�ำตัว
2. ผนังของโครงสร้ำงขมีหลอดเลือดฝอยแทรกอยู่หนำแน่น
3. ภำยในโครงสร้ำงคมีลักษณะเป็นท่อปลำยเปิดสองด้ำน
4. โครงสร้ำงงและจไม่มีบทบำทต่อกำรไหลเวียนอำกำศ
5. มีกำรแลกเปลี่ยนแก๊สในโครงสร้ำงกขคงและจ
ก
ข
ค
ง
จ
10
18.ของเสียที่เกิดจากเมแทบอลิซึมที่ส�าคัญได้แก่ของเสียที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบเช่นสารกข
และคในสภาวะที่มีความเข้มข้นของสารเหล่านี้สูงเซลล์ในร่างกายของสัตว์จะไม่สามารถ
อยู่รอดได้ดังนั้นการที่จะล�าเลียงหรือเก็บสารเหล่านี้ไว้โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์
จะต้องท�าให้สารเจือจางลงโดยใช้น�้าในปริมาณต่างๆ
ข้อใดผิดเกี่ยวกับการขับถ่ายของเสียที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบในสัตว์มีกระดูกสันหลัง
ที่มีถิ่นอาศัยแบบต่างๆ(PATมี.ค.59)
1. จิ้งจกอำศัยบนบกไกลแหล่งน�้ำก�ำจัดของเสียในรูปสำรก
2. นกเป็ดน�้ำอำศัยบนบกใกล้แหล่งน�้ำก�ำจัดของเสียในรูปสำรก
3. คำงคกบ้ำนอำศัยบนบกใกล้แหล่งน�้ำก�ำจัดของเสียในรูปสำรข
4. แมวน�้ำอำศัยในทะเลมีน�้ำอยู่รอบตัวก�ำจัดของเสียในรูปสำรข
5. ปลำฉลำมอำศัยในทะเลมีน�้ำอยู่รอบตัวก�ำจัดของเสียในรูปสำรค
สาร โครงสร้าง ปริมาณน�้าที่ต้องใช้ในการเจือจางสาร 1 กรัม
ก. 10 ลูกบำศก์เซนติเมตร
ข. 50 ลูกบำศก์เซนติเมตร
ค. 300-500 ลูกบำศก์เซนติเมตร
O
==
C
NN
N
H
H
C
CO = C
HNC = O
H2N – C – NH2
O
=
H
H HN
11
19. ในระหว่างที่คนรับประทานอาหารในแต่ละมื้อร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อต่างๆ
เพื่อควบคุมการท�างานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายหลังจากนักเรียนรับประทานข้าวผัดทะเล
และลอดช่องเป็นอาหารกลางวันจะพบการท�างานของฮอร์โมนหลายชนิดยกเว้นข้อใด
(PATมี.ค.59)
1. cholecystokininจำกล�ำไส้เล็กกระตุ้นกำรบีบตัวของถุงน�้ำดี
2. glucagonจำกตับอ่อนกระตุ้นกำรสลำยตัวของไกลโคเจนจำกตับ
3. secretinจำกล�ำไส้เล็กกระตุ้นกำรหลั่งไบคำร์บอเนตจำกตับอ่อน
4. insulinจำกตับอ่อนกระตุ้นให้เซลล์กล้ำมเนื้อน�ำกลูโคสเข้ำไปในเซลล์
5. gastrinจำกกระเพำะอำหำรกระตุ้นกำรหลังกรดไฮโดรคลอริกจำกผนังกระเพำะอำหำร
หลอดเลือดในข้อใดมีเฉพาะเลือดที่มีออกซิเจนสูงไหลเวียนผ่านเท่านั้น(PATมี.ค.59)
1. (1) , (2) , (3) 2. (2) , (3) , (4)
3. (3) , (4) , (5) 4. (4) , (5) , (6)
5. (5) , (6) , (7)
20.แผนภาพโครงสร้างหัวใจคนแสดงหลอดเลือดหมายเลข(1)ถึง(7)
34
5
6
71
2
12
1. มีactionpotentialเคลื่อนจำกต�ำแหน่งที่กระตุ้นไปยังปลำยaxonเท่ำนั้น
2. มีactionpotentialเคลื่อนจำกต�ำแหน่งที่กระตุ้นไปยังaxonhillockเท่ำนั้น
3. มีactionpotentialเคลื่อนจำกต�ำแหน่งที่กระตุ้นไปยังaxonhillockและมีdepolarization
เกิดขึ้นในทิศทำงเข้ำหำปลำยaxon
4. มีactionpotentialเคลื่อนจำกต�ำแหน่งที่กระตุ้นไปยังปลำยaxonและมีdepolarization
เกิดขึ้นในทิศทำงเข้ำหำaxonhillock
5. มีทั้งactionpotentialที่เคลื่อนจำกต�ำแหน่งที่กระตุ้นไปยังปลำยaxonและactionpotential
ที่เคลื่อนจำกต�ำแหน่งที่กระตุ้นไปยังaxonhillock
21. โดยปรกติกระแสประสาทหรือactionpotentialจะเคลื่อนที่จากaxonhillockไปยังปลายของ
axonถ้านักเรียนทดลองใช้ขั้วไฟฟ้ากระตุ้นตรงกลางaxonด้วยความแรงที่เกินthreshold
ดังภาพจะพบการเปลี่ยนแปลงดังข้อใด(PATมี.ค.59)
22.สัตว์เลือดอุ่นที่ผสมพันธุ์เมื่อต้นไม้เริ่มทิ้งใบเนื่องจากปริมาณแสงที่มีต่อวันลดลงและจะออกลูก
เมื่อพืชพรรณเริ่มผลิใบออกดอกเมื่ออุณหภูมิอุ่นขึ้นส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่อยู่ในไบโอมแบบใด
(PATมี.ค.59)
1. ป่ำสน(taiga)
2. ทุนดรำ(tundra)
3. ทุ่งหญ้ำสะวันนำ(savanna)
4. ป่ำดิบชื้น(tropicalrainforest)
5. ป่ำผลัดใบเขตอบอุ่น(temperatedeciduousforest)
ต�าแหน่งที่กระตุ้น
axonhillock ปลำยaxon
13
23. เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มสิ่งมีชีวิตA(communityA)และกลุ่มสิ่งมีชีวิตB(communityB)
ซึ่งเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตของระบบนิเวศบนบกแบบเดียวกันแต่อยู่กันคนละที่
สิ่งที่มีโอกาสพบได้มากที่สุดคืออะไร(PATมี.ค.59)
1. จ�ำนวนชนิดของสิ่งมีชีวิตในAเท่ำกับในB
2. ผู้ผลิตในAและBเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มเดียวกัน
3. มวลชีวภำพทั้งหมดในAมีค่ำเท่ำกับมวลชีวภำพทั้งหมดในB
4. ใยอำหำร(foodweb)ของAและBมีรูปแบบเหมือนกันทุกประกำร
5. สังคมสมบูรณ์ของAและBประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตชนิดต่ำงๆที่เหมือนกันทุกชนิด
24.จากศึกษาประชากรกวางในป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด5ตารางกิโลเมตรพบว่าเมื่อเริ่มศึกษา
มีกวางอยู่100ตัวหลังจาก1ปีผ่านไปมีลูกกวางเกิดใหม่ทั้งหมด6ตัวและมีกวางตายไป2ตัว
ข้อใดกล่าวถึงประชากรกวางในป่านี้ในช่วงเวลาที่ท�าการศึกษาได้ถูกต้อง(PATมี.ค.59)
1. ประชำกรกวำงนี้มีอัตรำกำรรอดชีวิตต�่ำในวัยแรกเกิด
2. ประชำกรกวำงนี้มีอัตรำเกิดเท่ำกับร้อยละ0.6ตัวต่อปี
3. ประชำกรกวำงนี้มีอัตรำกำรเพิ่มประชำกรเท่ำร้อยละ4ตัวต่อปี
4. เมื่อเริ่มศึกษำประชำกรกวำงนี้มีควำมหนำแน่นเท่ำกับ25ตัวต่อตำรำงกิโลเมตร
5. เมื่อเริ่มศึกษำประชำกรกวำงนี้มีจ�ำนวนเท่ำกับแครีอิงคำพำซิตี(carryingcapacity)ของมันแล้ว
14
25.ปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องใดที่มีสาเหตุส�าคัญมาจากสารเคมีที่ปกติไม่พบในธรรมชาติแต่เป็นสารเคมี
ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น(PATมี.ค.59)
1. ฝนกรด(acidrain)
2. ภำวะโลกร้อน(globalwarming)
3. ยูโทฟิเคชัน(eutrophication)ของแหล่งน�้ำ
4. กำรลดของโอโซน(ozonedepletion)ในชั้นบรรยำกำศ
5. ปะกำรังฟอกขำว(coralbleaching)เนื่องจำกอุณหภูมิน�้ำทะเลสูงขึ้น
26. ในการทดลองรวมเซลล์โดยวิธีsomatichybridizationในส้ม2ชนิดคือCitrussinensisและ
Citrusparadisiซึ่งมีจ�านวนโครโมโซมเท่ากันคือ2n=2x=18ได้ลูกผสมที่มีจ�านวน
โครโมโซม2n=4x=36ต่อมาผู้ทดลองได้ท�าการผสมพันธุ์ระหว่างลูกผสมและCitrusparadise
เพื่อต้องการส้มพันธุ์ใหม่ที่ไร้เมล็ดส้มที่ไร้เมล็ดที่ได้จากการผสมพันธุ์ข้างต้นมีจ�านวนโครโมโซม
เท่าใดและเหตุใดจึงเป็นพันธุ์ไร้เมล็ด(ศักยภาพ) (PATมี.ค.59)
จ�านวนโครโมโซม
สาเหตุที่เป็นพันธุ์ไร้เมล็ด
2n = 2x = 27 มีกำรเปลี่ยนแปลงจ�ำนวนของยีนผิดไปจำกปกติ
2n = 3x = 27 ไม่สำมำรถสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์ที่ปกติ เนื่องจำกโครโมโซมเข้ำคู่กันไม่ได้
2n = 3x = 54 ถูกคัดเลือกโดยธรรมชำติ
2n = 4x = 36 เกิดวิวัฒนำกำร
2n = 6x = 54 เป็นกำรผสมพันธุ์ระหว่ำงพืชต่ำงชนิด
1.
2.
3.
4.
5.
15
27.ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการปลูกผักสลัดแบบไฮโดรพอนิกส์(ศักยภาพ) (PATมี.ค.59)
1. ไม่มีวัชพืชไม่มีโรคที่เกิดในดินและไม่ต้องมีกำรจัดกำรดิน
2. เป็นวิธีที่สำมำรถน�ำไปใช้ในกำรศึกษำกำรขำดธำตุอำหำรของผัก
3. ไม่ต้องใช้ดินในกำรเพำะปลูกจึงสำมำรถปลูกได้ทุกที่โดยไม่จ�ำเป็นต้องมีพื้นที่ขนำดใหญ่
เป็นวิธีที่เหมำะส�ำหรับผู้ที่มีพื้นที่ปลูกจ�ำกัด
4. สำมำรถควบคุมให้เฉพำะธำตุที่มีควำมจ�ำเป็นในกำรเจริญเติบโตของพืชเท่ำนั้น
ไม่มีกำรปนเปื้อนโลหะหนักจำกดิน
5. ดูแลง่ำยโดยย้ำยปลูกต้นกล้ำลงในภำชนะที่มีกำรเติมสำรละลำยธำตุอำหำรเพียงครั้งเดียว
พืชก็สำมำรถเจริญเติบโตจนถึงระยะเก็บเกี่ยวได้
28.นักวิทยาศาสตร์ท�าการทดลองพบว่าการให้ฮอร์โมนชนิดหนึ่งกับพืชโดยฉีดพ่นที่ใบสามารถช่วย
ชะลอการเกิดใบเหลืองของพืชได้เมื่อน�าไปใช้ในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อก็สามารถชักน�าให้พืช
สร้างยอดอ่อนเพิ่มมากขึ้นข้อใดเป็นลักษณะการท�างานของฮอร์โมนชนิดนี้ในธรรมชาติมากที่สุด
(ศักยภาพ) (PATมี.ค.59)
1. ท�ำให้เกิดกำรแตกตำข้ำงและยับยั้งกำรเจริญของยอด
2. มีทิศทำงกำรล�ำเลียงของฮอร์โมนจำกปลำยยอดลงสู่รำก
3. สำมำรถท�ำให้ปลำยยอดพืชโค้งเข้ำหำแสงได้ใบจึงคงควำมเขียวไว้ได้
4. มีกำรกระจำยตัวของฮอร์โมนในด้ำนที่พืชได้รับแสงและไม่ได้รับแสงไม่เท่ำกัน
5. กระตุ้นให้เกิดกำรยืดตัวของเซลล์ท�ำให้พืชสำมำรถสร้ำงยอดอ่อนได้เพิ่มมำกขึ้น
16
30.การจ�าแนกหมู่เลือดตามระบบABOพิจารณาจากชนิดของไกลโคโปรตีนหรือแอนติเจนที่เยื่อหุ้ม
เซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างบุคคล
จากข้อมูลหมู่เลือดABOของกลุ่มตัวอย่างชาวไทยที่ส�ารวจโดยศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
สภากาชาดไทยในปีพ.ศ.2546พบการกระจายของหมู่เลือดในเลือดในคน100คนดังนี้
หมู่เลือดA 22คน
หมู่เลือดB 33คน
หมู่เลือดAB 8คน
หมู่เลือดO 37คน
ถ้าตรวจสอบชนิดของแอนติเจนที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงของกลุ่มประชากรนี้จะพบคนที่มี
แอนติเจนBที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงกี่คน(ศักยภาพ) (PATมี.ค.59)
1. 30 2. 41
3. 59 4. 63
5. 70
29.นักเรียนท�าการทดลองปลูกกะเพราอายุ2เดือนจ�านวน3กระถางกระถางละ2ต้นและรดด้วย
น�้าที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน3อุณหภูมิคือ2030และ40องศาเซลเซียสให้กับกะเพราในแต่ละ
กระถางทุกวันพบว่าเมื่อท�าการทดลองไปเป็นเวลา3สัปดาห์ต้นกระเพราทยอยตายกระถางละ
1ต้นนักเรียนต้องท�าการทดลองซ�้าเพื่อเปรียบเทียบผลของอุณหภูมิของน�้าที่ใช้รดต่อการออกดอก
ของต้นกระเพราข้อใดที่นักเรียนควรพิจารณาปรับปรุงในการออกแบบการทดลองเพื่อให้สามารถ
ศึกษาผลของอุณหภูมิของน�้าที่ใช้รดต้นกะเพราต่อการออกดอกของต้นกะเพราได้
(ศักยภาพ) (PATมี.ค.59)
1. เปลี่ยนอุณหภูมิของน�้ำที่ใช้รด
2. น�ำกะเพรำระยะที่ออกดอกแล้วมำปลูก
3. เปลี่ยนพันธุ์ของกะเพรำที่ท�ำกำรทดลอง
4. เพิ่มจ�ำนวนกระถำงกะเพรำที่ปลูกในแต่ละอุณหภูมิ
5. ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์กำรงอกของกะเพรำก่อนท�ำกำรทดลอง
17
31.นักวิชาการกรมประมงศึกษาผลของสารเคมี4ชนิด(ก,ข,คและง)
ต่อการเติบโตและสัดส่วนเพศของปลานิลโดยใช้สัตว์ทดลองเป็นลูกปลานิลอายุ1สัปดาห์
ที่น�ามาเลี้ยงด้วยอาหารปลาที่ผสมกับสารก,ข,คหรืองเป็นเวลา3สัปดาห์
ก่อนน�ามาเลี้ยงด้วยอาหารปรกติเป็นเวลา2เดือน
ได้ผลดังตาราง
ก�าหนดให้ไม่ใส่สารใดๆผสมลงในอาหารที่ใช้เลี้ยงปลากลุ่มที่1
สารกเป็นสารเคมีที่เป็นตัวท�าละลายสารข,คและง
สารขเป็นฮอร์โมน17-แอลฟาเมทิลเทสโทสเตอโรน
นักเรียนสามารถสรุปผลจากการทดลองได้หลายประเด็นยกเว้นข้อใด(ศักยภาพ) (PATมี.ค.59)
1. สำรงมีศักยภำพในกำรน�ำมำใช้เป็นสำรเร่งกำรเติบโตของปลำนิล
2. อำหำรที่ผสมกับสำรขมีผลโดยตรงต่อกำรเพิ่มน�้ำหนักตัวของปลำนิล
3. น�้ำหนักตัวของปลำนิลกลุ่มที่ได้รับสำรกไม่แตกต่ำงอย่ำงมีนัยส�ำคัญจำกกลุ่มที่1
4. สัดส่วนปลำนิลเพศผู้ต่อเพศเมียในภำวะกำรเลี้ยงแบบไม่ใช้สำรผสมในอำหำรอยู่ที่1:1
5. สำรคอำจมีฤทธิ์คล้ำยฮอร์โมนเพศชำยจึงมีผลต่อกำรเปลี่ยนแปลงสัดส่วนเพศของปลำนิล
กลุ่มที่ สารน�้าหนักเฉลี่ย(±SD)
ลูกปลาอายุ1สัปดาห์(กรัม)
น�้าหนักเฉลี่ย(±SD)ลูกปลาอายุ3เดือน(กรัม)
สัดส่วนปลา
ที่เป็นเพศผู้(ร้อยละ)
1. - 0.4 ±0.1 31 ± 2.9 50
2. ก 0.4 ± 0.1 28 ± 3.0 50
3. ข 0.4 ± 0.1 48 ± 3.1 100
4. ค 0.4 ±0.1 50± 2.8 98
5. ง 0.4 ±0.1 49 ± 3.5 51
18
เฉลยละเอียดข้อสอบ PAT 2 2559
มีนาคม
1. ตอบ 4
โครงสร้ำงชั้นนอกสุดของเซลล์พืชคือชั้นผนังเซลล์ซึ่งประกอบด้วยเส้นใยเซลลูโลส
อำจมีสำรอื่นมำสะสมบนเส้นใยเซลลูโลสเพิ่มมำกขึ้นเช่นเฮมิเซลลูโลสเพกทินซูเบอรินคิวทิน
และลิกนินท�ำหน้ำที่สร้ำงควำมแข็งแรงให้กับเซลล์พบช่องเล็กๆที่เรียกว่ำพลำสโมเดสมำตำ
เป็นทำงติดต่อของไซโทพลำซึมระหว่ำงเซลล์โดยผนังเซลล์ไม่มีหน้ำที่รักษำสมดุล
เนื่องจำกไม่ได้เป็นเยื่อเลือกผ่ำน
2. ตอบ 3
ข้อ1ผิด ท่อล�ำเลียงน�้ำของพืชเมล็ดเปลือยมีแต่เทรคีตไม่มีเวสเซล
ข้อ2ผิด มีใบเลี้ยง2ใบสำมำรถพบในพืชใบเลี้ยงคู่ก็ได้
ข้อ4ผิด ต้นสนจะมีโคนเพศผู้และเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน
ข้อ5ผิด ออวุลและละอองเรณูจะอยู่ภำยในโคน
3. ตอบ 5
เรำต้องกำรศึกษำหลอดไฟที่สีต่ำงกันมีผลลกำรคำยน�้ำของกิ่งเข็มหรือไม่แสดงว่ำ
ตัวแปรต้นคือสีของหลอดไฟ
ตัวแปรตำมคือกำรคำยน�้ำของกิ่งเข็มซึ่งเรำสำมำรถวัดได้จำกน�้ำหนักที่ลดลง
ตัวแปรควบคุมเช่นอุณหภูมิห้อง,อำยุของกิ่งเข็ม,ระยะห่ำงระหว่ำงหลอดไฟและกิ่งเข็มฯลฯ
4. ตอบ 2
รำกข้ำวโพดมีรำกพิเศษ(adventitiousroot)ซึ่งมำจำกเนื้อเยื่อจำกข้อสุดท้ำยของล�ำต้นรำกแก้วของ
ข้ำวโพดจะเกิดมำช่วงแรกและสลำยไปเมื่อข้ำวโพดเติบโตขึ้น
5. ตอบ 1
เมื่อไม่มีคลอโรฟิลล์เอก็จะไม่มีกำรถ่ำยทอดอิเลคตรอนในระบบแสงท�ำให้ไม่มีพลังงำนไปใช้ใน
กำรสังเครำะห์ด้วยแสง
19
6. ตอบ 1
Pollenเป็นโครงสร้ำงระยะmalegametophyteของพืชจะพัฒนำมำจำกสปอร์เพศผู้(microspore)
โดยกำรแบ่งmitosis
ไมโครสปอร์มีโครโมโซม1ชุดไม่สำมำรถแบ่งแบบไมโอซิสได้
ส่วนเมกะสปอร์ท�ำหน้ำที่เกี่ยวกับกำรไข่หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
เจเนอเรทิฟนิวเคลียสและทิวป์นิวเคลียสเป็นองค์ประกอบของembryosac
10.ตอบ 1
ขั้นตอนกำรท�ำงำนของเทคนิคพีซีอำร์ในแต่ละวัฏจักรแบ่งเป็น3ขั้นดังนี้
1. Denaturationที่ประมำณ90-95๐Cเพื่อท�ำให้ดีเอนแม่แบบสำยคู่แยกจำกกัน
2. Annealingที่ประมำณ50-60๐Cเพื่อให้ไพร์เมอร์จับกับสำยดีเอนเอแม่แบบ
3. Extensionที่ประมำณ72๐Cเพื่อให้ท�ำให้เกิดกำรจ�ำลองสำยDNAเป็นสำยคู่
จำกนิวคลีโอไทด์เดี่ยว
7. ตอบ 3
ฮอร์โมนเอทิลีนและกรดแอบไซซิกมีควำมเกี่ยวข้องกับกำรหลุดร่วงและสลำยไปของอวัยวะของพืช
จึงน่ำจะมีน้อยที่สุดในระยะที่ยังไม่พร้อมจะหลุดร่วง
8. ตอบ 1
ซิสเทอโครมำทิดเกิดจำกกำรเพิ่มจ�ำนวนของดีเอนเอในระยะอินเตอร์เฟส
จึงควรจะมีอัลลีลเหมือนกันระหว่ำงโครมำทิดสองอันในโครโมโซมอันเดียวกัน(ข้อ2และ3จึงผิด)
ส่วนข้อ4และ5เป็นพืชที่มีโครโมโซมสี่ชุดมีจีโนไทป์เป็นAAaaBBbb
9. ตอบ 2
ลักษณะAเป็นพอลียีนที่ใช้สองต�ำแหน่งในกำรควบคุมเพรำะว่ำได้ลูกในรุ่นF2ตำมสูตร22 + 1 = 5
ฟีโนไทป์;ลักษณะBเป็นยีนต�ำแหน่งเดียวที่มีกำรข่มไม่สมบูรณ์สังเกตได้จำกอัตรำส่วนในรุ่นF2
เป็น1:2:1(1homozygousdominant:2heterozygoous:1homozygousrecessive)
20
11. ตอบ 4
12. ตอบ 1
กำรโคลนเป็นกำรเพิ่มจ�ำนวนสิ่งมีชีวิตให้ได้ลักษณะเดิมทุกประกำรจึงไม่มีกำรแปรผันของ
พันธุกรรม
13. ตอบ 3
ข้อนี้เป็นลักษณะของกำรคัดเลือกโดยธรรมชำติเพรำะว่ำประชำกรแบคทีเรียมีควำมหลำกหลำยทำง
พันธุกรรมและฟีโนไทป์จึงมีบำงส่วนอยู่รอดจำกกำรท�ำงำนของยำปฏิชีวนะได้
ค�ำอธิบำยในข้ออื่นๆไม่เกี่ยวข้องกับหลักวิวัฒนำกำร
14. ตอบ 5
โอโอไซต์ระยะแรกมีโครโมโซมสองชุด(2n)เมื่อผ่ำนกำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสI
จึงเหลือโครโมโซมเพียงชุดเดียว(1n)ในโอโอไซต์ระยะที่2
ปกติ
สำม ภรรยำ
ปกติ ปกติ
ปกติ
Aa Aa
ปกติ ปกติ
Aa Aa
AA=
1/3
AA=
1/3
โอกำสเป็นโรค=1/4
ถ้ำทำงพ่อและแม่เป็นพำหะ
โอกำสที่สำมีจะเป็นพำหะ=2/3(ตัดโอกำสที่จะเป็นaaออกเนื่องจำกโจทย์ก�ำหนดว่ำมีลักษณะปกติ)
โอกำสที่ภรรยำจะเป็นพำหะ=2/3
ถ้ำสำมีและภรรยำเป็นพำหะลูกจะมีโอกำสเป็นโรค=1/4
ดังนั้นโอกำสรวมคือ × × = 23
23
14
19
21
15. ตอบ 3
จุดเด่นของระยะคลีเวจคือไม่มีกำรเพิ่มขนำดของเอมบริโอโดยรวม
จ�ำนวนเซลล์เพิ่มขึ้นโดยแต่ละเซลล์มีขนำดเล็กลง
18. ตอบ 5
โครงสร้ำงกคือกรดยูริกโครงสร้ำงขคือยูเรียและโครงสร้ำงคคือแอมโมเนีย
ปลำฉลำมขับของเสียในรูปยูเรีย(สำรข)
19. ตอบ 2
Glucagonจะมีผลให้น�้ำตำลในเลือดเพิ่มขึ้นซึ่งหลังจำกที่เรำรับประทำนอำหำร
เรำมีน�้ำตำลในเลือดสูงอยู่แล้วจึงไม่จ�ำเป็นต้องหลั่งฮอร์โมนglucagon
17. ตอบ 3
ข้อ1ผิดเพรำะว่ำโครงสร้ำงกเป็นกระดูกที่ช่วยพยุงโครงสร้ำง
ข้อ2ผิดเพรำะว่ำโครงสร้ำงขเป็นถุงลม(airsac)ท�ำหน้ำที่เก็บส�ำรองอำกำศ
และถ่ำยเทอำกำศเข้ำ-ออกจำกปอดไม่เกี่ยวข้องกำรกำรแลกเปลี่ยนก๊ำซ
ข้อ3ถูกเพรำะว่ำโครงสร้ำงคคือปอดภำยในจะมีparabronchiซึ่งเป็นท่อยำวๆพับไปมำในปอด
มีปลำยเปิดทั้งสองข้ำง
ข้อ4ผิดเพรำะว่ำโครงสร้ำงงจเป็นairsacเกี่ยวข้องกับกำรไหลเวียนอำกำศ
ข้อ5ผิดเพรำะว่ำเฉพำะคเท่ำนั้นที่มีกำรแลกเปลี่ยนก๊ำซ
16. ตอบ 3
แมลงมีกล้ำมเนื้อตำมยำวกับกล้ำมเนื้อยึดเปลือกส่วนอก
22
20.ตอบ 1
หลอดเลือดที่มีออกซิเจนสูง(เลือดแดง)ได้แก่
- (1)(2)(5)(6)คือpulmonaryveinส่งเลือดแดงจำกปอดเข้ำสู่หัวใจ
- (3)คือAortaน�ำเลือดแดงจำกหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่ำงๆของร่ำงกำย
ส่วน(4)(7)เป็นหลอดเลือดด�ำน�ำเลือดจำกร่ำงกำยเข้ำสู่หัวใจ
- (4)คือsuperiorvenacava
- (7)คือinferiorvenacava
21. ตอบ 5
หำกเรำกระตุ้นเซลล์ประสำทด้วยแรงที่เกินระดับthresholdจะเกิดactionpotential
ส่งต่อเนื่องไปเรื่อยๆดังนั้นหำกกระตุ้นที่จุดกลำงaxonดังภำพจะเกิดactionpotential
ส่งไปได้ทั้งสองทิศทำงโดยปกติเซลล์ประสำททั่วไปจะเกิดกำรส่งactionpotential
จำกaxonhillockไปยังปลำยaxonเท่ำนั้นเนื่องจำกที่บริเวณaxonhillockจะมีระดับthresholdต�่ำ
ท�ำให้เป็นจุดก�ำเนิดของactionpotential
24. ตอบ 3
อัตรำกำรเกิด=เกิด/ประชำกรเดิมดังนั้น6/100=0.06หรือร้อยละ6
อัตรำกำรเพิ่ม=(เกิด-ตำย)/ประชำกรเดิมดังนั้น(6-2)/100=0.04หรือร้อยละ4
ควำมหนำแน่นของประชำกรคือจ�ำนวนปัจจุบัน(100+6-2)หำรด้วยพื้นที่(5ตร.กม.)
ดังนั้นควำมหนำแน่นจึงเป็น20.8ตัวต่อตำรำงกิโลเมตร
ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อกำรสรุปเกี่ยวกับอัตรำกำรรอดชีวิตในวัยแรกเกิดหรือเรื่องcarryingcapacity
22. ตอบ 5
ลักษณะกำรผลัดใบพร้อมกันตำมฤดูกำลเป็นลักษณะของป่ำผลัดใบซึ่งไม่พบในป่ำสนทุนดรำ
ทุ่งหญ้ำหรือป่ำดิบชื้น
23. ตอบ 2
ผู้ผลิตในเกือบทุกระบบนิเวศบนบกจะเป็นพืชเหมือนกันหมดส่วนจ�ำนวนชนิดมวลชีวภำพ
รูปแบบสำยใยอำหำรและสังคมสมบูรณ์สำมำรถแตกต่ำงกันได้มำก
23
25. ตอบ 4
กำรลดของโอโซนในชั้นบรรยำกำศเกิดจำกกำรท�ำปฏิกิริยำของสำรสังเครำะห์ที่ชื่อว่ำCFCs
(Chlorofluorocarbons)
26. ตอบ 2
เซลล์สืบพันธุ์ที่ได้จำกลูกผสมคือn=2x=18ผสมกับเซลล์สืบพันธุ์จำกCitrusparadisiที่เป็น
n=x=9ท�ำให้ได้ลูกที่เป็น2n=3x=27จะเป็นว่ำมีโครโมโซม2ชุดแต่จ�ำนวนโครโมโซม
ไม่เป็นเลขคู่จึงไม่สำมำรถเข้ำคู่กันระหว่ำงกำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสIได้
28. ตอบ 1
กำรชะลอใบเหลืองและชักน�ำให้เกิดยอดอ่อนเป็นคุณสมบัติของไซโทไคนิน
ซึ่งมีผลท�ำให้เกิดกำรแตกตำข้ำงและยับยังกำรเจริญของยอดด้วย
ส่วนคุณสมบัติในข้ออื่นๆนั้นเป็นคุณสมบัติของออกซิน
29. ตอบ 4
กำรทดลองก่อนหน้ำนี้ได้ทดลองแค่1กระถำงต่อแต่ละอุณหภูมิเท่ำนั้นกำรที่มีกำรตำยทุกกระถำง
อำจจะเป็นผลกำรปัจจัยอื่นๆในกระถำงเหล่ำนั้นก็ได้เพื่อให้เป็นกำรยืนยันผลจึงจ�ำเป็นต้องเพิ่ม
จ�ำนวนกระถำงที่ปลูกในแต่ละอุณหภูมิเพื่อให้เห็นผลชัดเจนว่ำเป็นผลของอุณหภูมิของน�้ำจริงๆ
30.ตอบ 2
กลุ่มคนที่มีแอนติเจนBบนเม็ดเลือดคือกลุ่มคนที่มีหมู่เลือดBและABซึ่งรวมกันก็คือ
33 + 8 = 41
27. ตอบ 5
กำรปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ต้องมีกำรคอยเปลี่ยนถ่ำยน�้ำตรวจวัดค่ำพีเอชระดับอำหำรและมีกำรเติม
ธำตุอำหำรตลอดระยะเวลำกำรปลูกจึงมีข้อเสียคือยุ่งยำกในกำรดูแลและใช้ค่ำใช้จ่ำยสูง
24
31. ตอบ 2
ข้อ1ถูกเพรำะว่ำน�้ำหนักต่ำงจำกกลุ่มที่1อย่ำงชัดเจน
ข้อ2ผิดเพรำะว่ำกำรเพิ่มน�้ำหนักในกลุ่มที่ได้รับสำรข.อำจจะเป็นผลข้ำงเคียง
จำกกำรเปลี่ยนเพศของปลำ
ข้อ3ถูกเพรำะว่ำร้อยละ68ของกลุ่มที่ได้รับสำรก.มีน�้ำหนักในช่วง25-31ซึ่งคำบเกี่ยวกับ
กลุ่มที่1จึงน่ำจะไม่แตกต่ำงอย่ำงมีนัยส�ำคัญ
ข้อ4ถูกเพรำะว่ำสัดส่วนเพศที่พบในกลุ่มที่1ที่ไม่ให้สำรเป็น1:1
ข้อ5ถูกเพรำะว่ำมีสัดส่วนของเพศผู้เพิ่มเป็นร้อยละ98