46

Gen Y’s Idea & Voice

47

Gen Y

ด้วยคุณลักษณะเฉพาะและทัศนคติในการท�างานของชาว Gen Y ที่ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากเจเนอเรชั่น อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดเกี่ยวกับการวางแผนเตรียมพร้อมส�าหรับชีวิตหลังเกษียณของพวกเขา ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า ชาว Gen Y ส่วนใหญ่ ไม่คิดหวังพึ่งสวัสดิการสังคม เช่น เงินบ�าเหน็จบ�านาญ หรือเงินจากกองทุนประกันสังคม แต่พวกเขาเลือกที่จะคิดถึงการออม การลงทุนเพื่ออนาคตอย่างจริงจัง และเริ่มต้นลงมือวางแผนทางการเงินหลังวัยเกษียณค่อนข้างไวกว่าคนในเจเนอเรชั่นก่อน ๆ อย่าง Gen X หรือ Baby Boomer

สาเหตุส�าคัญมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของ Gen Y ซึง่ถอืเป็นกลุม่คนทีเ่กดิตัง้แต่ พ.ศ. 2523-2543 มอีายเุฉลีย่อยูท่ี ่13-29 ปี นั้น พวกเขาได้ประสบพบเจอกับวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจมาตลอด ตัวอย่างเช่น วิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย เมื่อปี พ.ศ. 2540 หรือความผันผวนของเศรษฐกิจการเงินทั่วโลกผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ตในช่วง 4-5 ปีทีผ่่านมา หรอืแม้กระทัง่พวกเขาอาจได้เหน็ภาวะล้มลกุคลกุคลานของธรุกจิภายในครอบครวั ซึง่ส่งผลกระทบต่อวถิชีวีติของพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น ภาพความยากล�าบากต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของชาว Gen Y ท�าให้พวกเขามีแนวความคิดแตกต่างไปจากคนรุ่นพ่อแม่ ซึ่งมองว่าเงินสวัสดิการหรือเงินบ�านาญหลังเกษียณเป็นอีกหนึ่งช่องทางของรายรับ แต่คน Gen Y ส่วนใหญ่จะมองว่า พวกเขาควรท�างานเพื่อให้มีรายรับที่ต่อเนื่อง และวางแผนการลงทุนเพื่อหาเลี้ยงตนเองเมื่อถึงวัยเกษียณ โดยไม่หวังพึ่งรับเงินสวัสดิการสังคมใด ๆ จากรัฐด้วยซ�้า

พอจะสรุปได้ว่า ส�าหรับคนที่มีอายุระหว่าง 20-30 ต้น ๆ นั้นจะมีกฎเกณฑ์ในการใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณชัดเจนว่า พวกเขาจะต้องท�างานต่อไปเพือ่หาเลีย้งตวัเองให้ได้ หรอืไม่กต้็องลงทนุอย่างรอบคอบ เพือ่ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้

เตรียมพร้อมหลังเกษียณ ไม่หวังพึ่งสวัสดิการสังคม

จากผลส�ารวจประจ�าปี พ.ศ. 2556 ของ Merrill Edge ได้รายงานว่า จากการส�ารวจกลุ่มคน Gen Y พบว่าส่วนใหญ่ต้องการมีเงินเก็บสะสมส�าหรับวัยเกษียณ เฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มคน ที่มีอายุระหว่าง 51-64 ปี ตั้งเป้าส�าหรับเงินเก็บสะสมส�าหรับวัยเกษียณ เฉลี่ยอยู่ที่ 260,000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น

ผลส�ารวจยังพบว่า กว่า 77% ของคน Gen Y ก�าลังเริ่มต้นวางแผนทางการเงนิส�าหรบัชวีติในวยัเกษยีณ แม้ว่าพวกเขาจะยงัมเีวลาอกีหลายสบิปีกว่าจะถงึวยัเกษยีณ และอกี 57% มคีวามคดิทีจ่ะลงทนุในตลาดหุน้ ขณะที่กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 51-64 ปี มีเพียง 25% ที่อยากจะลงทุนในตลาดหุ้น

โดยรายงานจากผลส�ารวจยังระบุอีกว่า คน Gen Y ต้องการน�าเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อการจัดการทางการเงินของพวกเขาสามารถเกิดประโยชน์สูงสุด โดยประมาณ 54% ของคนวัย Gen Y ชอบการใช้งานเครื่องมือบนระบบออนไลน์ เพื่อมาวางแผนทางการเงินและรับทราบข่าวสารได้อย่างทันท่วงที เช่น การค�านวณงบประมาณต่าง ๆ ในชีวิต และพฤตกิรรมของพวกเขาอกีอย่างหนึง่เกีย่วกบัการเงนิ คอื คน Gen Y กว่า 55% ต้องการให้บัญชีธนาคารและบัญชีส�าหรับการลงทุนของ พวกเขาถูกจัดเก็บไว้เป็นบัญชีเดียว

46 47

พระสยามฉบับที่ 2 เดือนเมษายน - มิถุนายน 2556

ทางด้าน Boston College ในสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแนะน�าเคล็ดลับส�าหรับการออมเงินของคนวัยท�างานในทุกเจเนอเรชั่น แบ่งออกเป็นหลายระดับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเริ่มต้นสะสมเงินตั้งแต่อายุเท่าไร

• หากคุณเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 25 ปี แนะน�าว่าให้คุณ แบ่งเงิน 4% ของรายได้มาเป็นเงินเก็บสะสม

• หากคุณเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 35 ปี แนะน�าว่าให้คุณ แบ่งเงิน 7% ของรายได้มาเป็นเงินเก็บสะสม

• หากคุณเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุ 45 ปี แนะน�าว่าให้คุณ แบ่งเงิน 11% ของรายได้มาเป็นเงินเก็บสะสม

ทางผูส้�ารวจอย่าง Merrill Edge ได้อธบิายประเดน็นีว่้า เหตผุลทีท่�าให้ Gen Y วางใจทีจ่ะพึง่พาเทคโนโลยเีพือ่จดัสรรชวีติทางการเงนิให้ลงตวักเ็พราะพวกเขาโตมากับการใช้อุปกรณ์ไอทีและเทคโนโลยีในการสื่อสารเพือ่ความบนัเทงิ และตอนนีก้ม็าถงึระดบัของการใช้มนัเพือ่บรหิารจดัการชีวิตทางการเงิน

ดังนั้น แผนกทรัพยากรบุคคลขององค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกจึงให้ความสนใจกับกระแสของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หลายแห่งเริ่มเสนอแผนระยะยาวของข้อตกลงกับพนักงานในลักษณะที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับพฤติกรรมของกลุ่มในวัย Gen Y ซึ่งมองหาความมั่นคง ด้วยรายได้ที่เกิดขึ้นจากอาชีพและหน้าที่การงานที่ท�าอยู่ในปจจุบัน

อย่างไรกต็าม แม้พฤตกิรรมและทศันคตใินการพึง่ตวัเองของคน Gen Yดเูหมอืนจะท�าให้ชวีติหลงัวยัเกษยีณของพวกเขาสดใส และไม่ต้องพึง่พาเงนิสวสัดกิารสงัคมแต่เพยีงอย่างเดยีวโดยไม่มรีายรบัเพิม่ แต่ทว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในวัยเกษียณของพวกเขายังคงท�าให้เราคาดเดาได้ยากว่า รูปแบบหรือแนวคิดแบบใดที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ การเรียนรู้และความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของคนกลุ่มนี้น่าจะท�าให้เราเข้าใจสิ่งที่พวกเขาคดิ และแนวคดิในการวางแผนการท�างานเพือ่อนาคตของพวกเขาได้อย่างชดัเจนยิง่ขึน้ เพือ่การท�างานร่วมกนัได้อย่างมปีระสทิธภิาพต่อไป

SAVING?